หัวข้อ
ดึงหน้าเกาหลี รีวิวเทคนิคดึงหน้าสุดฮิต ฟื้นฟูใบหน้าให้ตึงกระชับวันที่
2025-10-22วิว
40
AB Blog
ดึงหน้าเกาหลี เทคนิคยอดนิยมเพื่อฟื้นฟูความอ่อนเยาว์
สารบัญ
1. ดึงหน้าคืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม
2. เทคนิคดึงหน้าเกาหลี มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร
3. ใครบ้างที่เหมาะกับการดึงหน้า (เช็คลิสต์อายุและปัญหาผิว)
4. ขั้นตอนการผ่าตัดและการพักฟื้น
5. เปรียบเทียบการดึงหน้าเกาหลี vs การดึงหน้าแบบดั้งเดิม
6. รีวิวก่อนและหลังการดึงหน้าที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมAB
7. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดึงหน้า (FAQ)
8. ทำไมต้องเลือกดึงหน้าที่ โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี
การดึงหน้าเป็นหนึ่งในเทคนิคศัลยกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย โดยเฉพาะ “เทคนิคดึงหน้าเกาหลี” ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เน้นการยกกระชับที่ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) และการออกแบบให้สอดคล้องกับโครงหน้า ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึงเกินไป อีกทั้งยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อย่างชัดเจนและยาวนาน
ผู้ที่กำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวหน้าที่ได้ผลจริง มักเลือกเทคนิคดึงหน้าเกาหลี เนื่องจากมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ร่วมกับประสบการณ์ของศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงสามารถมั่นใจได้ทั้งในด้านความปลอดภัยและคุณภาพของผลลัพธ์
ดึงหน้าคืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม
การดึงหน้า (Facelift) คือหัตถการศัลยกรรมที่มุ่งแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยลึกที่เกิดจากอายุ การสูญเสียคอลลาเจน หรือโครงสร้างผิวที่อ่อนแอลงตามกาลเวลา โดยขั้นตอนการดึงหน้าจะเน้นการยกกระชับผิวหนังและชั้นกล้ามเนื้อส่วนลึก (SMAS: Superficial Musculoaponeurotic System) เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติ
หากต้องการเจาะลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของการดึงหน้า สามารถอ่านได้ที่ ศัลยกรรมย้อนวัยด้วยเฟซลิฟท์! วิธีคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า
เหตุผลที่การดึงหน้าได้รับความนิยม
-
สามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยได้ชัดเจนกว่าหัตถการแบบไม่ผ่าตัด เช่น การร้อยไหมหรือเลเซอร์
-
ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า เมื่อเทียบกับวิธีชั่วคราว
-
ช่วยปรับโครงหน้าและกรอบหน้าให้ชัดเจน ทำให้บุคลิกภาพโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น
-
เทคนิคดึงหน้าเกาหลีมีการพัฒนาวิธีการผ่าตัดที่ซ่อนแผลได้แนบเนียน ลดการมองเห็นรอยแผล และฟื้นฟูได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้น การดึงหน้าจึงไม่เพียงเป็นการแก้ปัญหาริ้วรอย แต่ยังเป็นการฟื้นฟูความมั่นใจและภาพลักษณ์โดยรวม ทำให้ผู้เข้ารับบริการจำนวนมากเลือกวิธีนี้เพื่อคงความอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน
เทคนิคดึงหน้าเกาหลี มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร
การดึงหน้าแบบเกาหลีมีหลายเทคนิค ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับที่แตกต่างกัน โดยแต่ละเทคนิคมีวิธีการและผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน
การดึงหน้าแบบ SMAS (SMAS Facelift)
การดึงหน้าแบบ SMAS (SMAS Facelift) คือการผ่าตัดที่ยกกระชับทั้งชั้นผิวหนังและชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว (SMAS layer) ทำให้โครงสร้างใบหน้าได้รับการปรับอย่างมั่นคง ผลลัพธ์คงทนนาน
ข้อดีของ SMAS Facelift
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก
-
ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานหลายปี
-
ปรับโครงหน้าและกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น
ข้อจำกัด
-
ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนานกว่าวิธีอื่น
-
ต้องดำเนินการโดยศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูง
การดึงหน้าแบบไฮ SMAS (High SMAS Facelift) / การดึงหน้าแบบดีพเพลน (Deep Plane Facelift)
การดึงหน้าแบบไฮ SMAS (High SMAS Facelift) และการดึงหน้าแบบดีพเพลน (Deep Plane Facelift) เป็นเทคนิคที่ลึกกว่าการทำ SMAS ทั่วไป โดยเลาะและยกกระชับในระดับชั้นลึกใกล้กับชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่ยึดเกาะ ทำให้สามารถยกแก้ม ร่องแก้ม และผิวส่วนกลางใบหน้าได้อย่างชัดเจน
จุดเด่นของการดึงหน้าแบบไฮ SMAS / ดีพเพลน (High SMAS / Deep Plane Facelift)
-
แก้ปัญหาร่องแก้มลึกและแก้มตกได้ชัด
-
ให้ผลลัพธ์ที่คงทนและยาวนานที่สุด
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40–60 ปีขึ้นไป
สิ่งที่ควรพิจารณาในการดึงหน้าแบบไฮ SMAS / ดีพเพลน (High SMAS / Deep Plane Facelift)
-
เป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน ใช้เวลานาน
-
ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์โดยเฉพาะ
การดึงหน้าแบบมินิ (Mini Facelift)
การดึงหน้าแบบมินิ (Mini Facelift) เป็นเทคนิคที่ใช้การกรีดแผลสั้นและยกเฉพาะผิวหนังและเนื้อเยื่อบางส่วน เหมาะกับผู้ที่มีอายุยังไม่มากหรือมีความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย
ข้อดีของการดึงหน้าแบบมินิ (Mini Facelift)
-
แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30–40 ปี หรือต้องการป้องกันความหย่อนคล้อยในระยะเริ่มต้น
ข้อจำกัดของการดึงหน้าแบบมินิ (Mini Facelift)
-
ผลลัพธ์ไม่ถาวรเท่ากับ SMAS หรือ Deep Plane
-
อาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก
การร้อยไหม (Thread Lift) vs การดึงหน้าด้วยการผ่าตัด (Surgical Facelift)
การร้อยไหม (Thread Lift) เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานนัก ขณะที่การดึงหน้าด้วยการผ่าตัด (Surgical Facelift) เช่น SMAS หรือ Deep Plane จะให้ผลลัพธ์ที่มั่นคงและชัดเจนกว่า
การร้อยไหม (Thread Lift)
-
ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน
-
อยู่ได้ประมาณ 1–2 ปี
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อย
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการร้อยไหม สามารถอ่านได้ที่ ร้อยไหม เหมาะกับใคร และควรรู้อะไรก่อนเข้ารับบริการ
การดึงหน้าด้วยการผ่าตัด (Surgical Facelift)
-
ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี
-
แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงรุนแรง
-
ต้องพักฟื้นนานกว่าและมีขั้นตอนการผ่าตัดจริง
ใครบ้างที่เหมาะกับการดึงหน้า (เช็คลิสต์อายุและปัญหาผิว)
การดึงหน้าเป็นหัตถการที่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยในระดับที่การรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเพียงพอ โดยสามารถเช็กความเหมาะสมได้จากปัจจัยดังต่อไปนี้
ตามช่วงอายุ
-
อายุ 30–40 ปี: เริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อยหรือความหย่อนคล้อยเล็ก ๆ บริเวณแก้มและกรอบหน้า อาจเหมาะกับการดึงหน้าแบบมินิ (Mini Facelift) หรือการร้อยไหม (Thread Lift)
-
อายุ 40–50 ปี: มีร่องแก้มชัดขึ้น แก้มและผิวส่วนกลางใบหน้าหย่อนคล้อย เหมาะกับการดึงหน้าแบบ SMAS (SMAS Facelift)
-
อายุ 50–60 ปีขึ้นไป: มีความหย่อนคล้อยรุนแรง ร่องแก้มลึกและกรอบหน้าไม่ชัดเจน เหมาะกับการดึงหน้าแบบไฮ SMAS (High SMAS Facelift) หรือการดึงหน้าแบบดีพเพลน (Deep Plane Facelift)
ตามปัญหาผิวและโครงหน้า
-
ผิวหย่อนคล้อยที่แก้มและกรอบหน้า
-
ร่องแก้มลึก ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยหรือแก่กว่าวัย
-
หนังตาล่างหรือผิวรอบคางเริ่มหย่อน
-
กรอบหน้าไม่ชัดจากการสูญเสียความกระชับของผิว
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
-
สุขภาพโดยรวมต้องแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการผ่าตัด
-
ควรมีความคาดหวังที่สมจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์
-
ปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพผิวและอายุ
ขั้นตอนการผ่าตัดและการพักฟื้น
การดึงหน้าเป็นการผ่าตัดที่ต้องอาศัยทั้งเทคนิคและประสบการณ์ของศัลยแพทย์ ขั้นตอนและวิธีการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทราบ
วิธีการผ่าตัดและการดมยาสลบ
-
การเตรียมก่อนผ่าตัด: ผู้เข้ารับบริการจะได้รับการตรวจสุขภาพและพูดคุยกับศัลยแพทย์เพื่อกำหนดเทคนิคที่เหมาะสม เช่น การดึงหน้าแบบ SMAS (SMAS Facelift), การดึงหน้าแบบไฮ SMAS (High SMAS Facelift) / การดึงหน้าแบบดีพเพลน (Deep Plane Facelift) หรือการดึงหน้าแบบมินิ (Mini Facelift)
-
การดมยาสลบ: สามารถทำได้ทั้ง การดมยาสลบทั่วไป (การดมยาสลบทั้งตัว / General Anesthesia) หรือ การฉีดยาชาเฉพาะที่ร่วมกับการให้ยานอนหลับ (Local Anesthesia with Sedation) ขึ้นอยู่กับเทคนิคและระยะเวลาของการผ่าตัด
-
ขั้นตอนการผ่าตัด: ศัลยแพทย์จะกรีดแผลบริเวณแนวไรผม หน้าใบหู หรือหลังใบหู เพื่อซ่อนรอยแผล จากนั้นทำการเลาะผิวหนังและยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS layer) ก่อนจะเย็บปิดแผลอย่างละเอียด
ระยะเวลาในการพักฟื้นและการดูแลหลังผ่าตัด
ระยะเวลาในการพักฟื้น: โดยทั่วไปใช้เวลา 1–2 สัปดาห์ อาการบวมและรอยช้ำจะค่อย ๆ ลดลงหลังจากสัปดาห์แรก และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติภายในประมาณ 2–4 สัปดาห์
การดูแลหลังผ่าตัด:
-
ควรนอนศีรษะสูงในช่วงสัปดาห์แรกเพื่อช่วยลดอาการบวม
-
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ใช้แรงมากใน 3–4 สัปดาห์แรก
-
งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากอาจรบกวนการฟื้นตัวของแผล
-
เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลและตัดไหมตามกำหนด
ผลลัพธ์: เมื่อเข้าสู่ช่วง 1–3 เดือน ผลลัพธ์จะเริ่มชัดเจนขึ้น ใบหน้าจะค่อย ๆ เข้าที่และดูเป็นธรรมชาติ
เปรียบเทียบการดึงหน้าเกาหลี vs การดึงหน้าแบบดั้งเดิม
การดึงหน้ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “เทคนิคดึงหน้าเกาหลี” ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับโครงหน้าของแต่ละบุคคล เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ “การดึงหน้าแบบดั้งเดิม” จะพบความแตกต่างที่สำคัญดังนี้
เทคนิคดึงหน้าเกาหลี
-
เน้นการยกกระชับลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS layer) เพื่อผลลัพธ์ที่มั่นคงและยาวนาน
-
มีการออกแบบตำแหน่งแผลผ่าตัดให้ซ่อนแนบเนียน เช่น บริเวณไรผม หน้าใบหู หรือหลังใบหู
-
ใช้เทคนิคที่พัฒนาแล้ว เช่น การดึงหน้าแบบ SMAS (SMAS Facelift), การดึงหน้าแบบไฮ SMAS (High SMAS Facelift) หรือการดึงหน้าแบบดีพเพลน (Deep Plane Facelift)
-
ผลลัพธ์ที่ได้มีความเป็นธรรมชาติ ใบหน้าไม่แข็งตึงจนเกินไป
การดึงหน้าแบบดั้งเดิม
-
มักเน้นการดึงเฉพาะชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวตึงแต่ไม่แก้ไขความหย่อนคล้อยของชั้นกล้ามเนื้อ
-
ผลลัพธ์คงอยู่ในระยะเวลาสั้นกว่า และอาจเกิดความตึงแข็งผิดธรรมชาติ
-
ตำแหน่งแผลอาจเห็นได้ชัดกว่าเมื่อเทียบกับเทคนิคดึงหน้าเกาหลี
-
ไม่สามารถแก้ปัญหาร่องแก้มหรือความหย่อนคล้อยระดับลึกได้อย่างเต็มที่
สรุปความแตกต่าง
-
ความลึกของการยกกระชับ: เทคนิคเกาหลีเน้น SMAS/Deep Plane ในขณะที่แบบดั้งเดิมเน้นเพียงชั้นผิวหนัง
-
ผลลัพธ์: เทคนิคเกาหลีให้ความเป็นธรรมชาติและยาวนานกว่า
-
แผลผ่าตัด: เทคนิคเกาหลีซ่อนแผลได้แนบเนียนกว่า
-
ความเหมาะสม: เทคนิคเกาหลีเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและดูเป็นธรรมชาติ ขณะที่แบบดั้งเดิมอาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับชั่วคราวหรือมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและเวลา
รีวิวก่อนและหลังการดึงหน้าที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมAB
ผลลัพธ์ของการดึงหน้าที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมAB สามารถเห็นได้ชัดเจนจากรีวิวก่อนและหลัง (Before & After) ของผู้เข้ารับบริการจริง โดยมีจุดเด่นดังนี้
-
บริเวณแก้มและกรอบหน้าที่หย่อนคล้อยได้รับการยกกระชับ ทำให้รูปหน้าดูเรียวและชัดเจนขึ้น
-
ร่องแก้มลึกและริ้วรอยที่เด่นชัดลดลง ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสกว่าเดิม
-
ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง และกลมกลืนกับโครงหน้าเดิม
รีวิวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการผ่าตัดที่พิถีพิถัน โดยทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลศัลยกรรมAB ซึ่งใช้เทคนิคและเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ทั้งสวยงามและปลอดภัย
สำหรับผู้ที่ต้องการดูผลลัพธ์เพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่:
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดึงหน้า (FAQ)
Q1. การดึงหน้ามีความเจ็บปวดหรือไม่?
A: ระหว่างการผ่าตัด ผู้เข้ารับบริการจะได้รับการดมยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่ร่วมกับยานอนหลับ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ หลังผ่าตัดอาจมีอาการตึงหรือบวมบ้าง แต่สามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง
Q2: ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
A: โดยทั่วไปใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1–2 สัปดาห์ อาการบวมและช้ำจะค่อย ๆ ลดลงหลังจากสัปดาห์แรก และสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติภายใน 2–4 สัปดาห์
Q3: ผลลัพธ์ของการดึงหน้าอยู่ได้นานแค่ไหน?
A: ผลลัพธ์จากการดึงหน้าสามารถอยู่ได้นานหลายปี ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ (เช่น SMAS Facelift, High SMAS / Deep Plane Facelift) รวมถึงการดูแลผิวและสุขภาพของแต่ละบุคคล
Q4: อายุเท่าไหร่ถึงเหมาะกับการดึงหน้า?
A: ส่วนใหญ่มักเหมาะกับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยชัดเจน แต่ในบางกรณี ผู้ที่มีอายุ 30 ปลาย ๆ ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยก็สามารถเลือกทำเทคนิคแบบมินิ (Mini Facelift) หรือการร้อยไหมได้
Q5: การดึงหน้ามีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงหรือไม่?
A: เช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป อาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือรอยแผลเป็นเล็กน้อย แต่หากทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำหลังผ่าตัด ความเสี่ยงจะอยู่ในระดับต่ำและสามารถควบคุมได้
ทำไมต้องเลือกดึงหน้าที่ โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี
การเลือกสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดึงหน้า เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ของศัลยแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี จึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้เข้ารับบริการชาวไทยจำนวนมาก ด้วยเหตุผลดังนี้
-
ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดึงหน้า: มีประสบการณ์สูงในการทำ SMAS Facelift, High SMAS / Deep Plane Facelift และเทคนิคที่ซับซ้อนอื่น ๆ
-
เทคโนโลยีและเครื่องมือมาตรฐานสากล: ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย ระบบดมยาสลบปลอดภัย และการติดตามผลหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด
-
รีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง: สามารถตรวจสอบผลลัพธ์ผ่าน รีวิวศัลยกรรมก่อนและหลัง
-
ได้รับความไว้วางใจจากคนดัง: คนดังชาวไทยหลายท่าน เช่น แป้ง อรจิรา, กวาง The Face และ ไข่มุก นิลาวัลย์ เคยเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลศัลยกรรมAB สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ รีวิวเซเลบริตี้
-
บริการครบวงจรสำหรับผู้ป่วยต่างชาติ: มีล่ามภาษาไทย ทีมดูแลหลังผ่าตัด ที่พัก และบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ครบวงจร
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อผ่าน หน้าแบบฟอร์มสอบถามราคา



