หัวข้อ
ซิลิโคนเสริมจมูกเห็นเป็นแท่ง และการแก้ไขวันที่
2025-12-01วิว
20
Medical Column
คอลัมน์ ศัลยกรรม AB
ซิลิโคนเสริมจมูกเห็นเป็นแท่ง แก้ไขได้ไหม และวิธีให้จมูกดูธรรมชาติ ?
ศัลยแพทย์ ซอแจวอน
สวัสดีค่ะ ดิฉัน คุณหมอซอแจวอน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมจาก AB Plastic Surgery
มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาปรึกษาหลังจากทำศัลยกรรมจมูก เนื่องจากพบปัญหา “ซิลิโคนเสริมจมูกเห็นเป็นแท่ง” หรือมีลักษณะผิดธรรมชาติบริเวณสันจมูก ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดเสริมจมูก
วันนี้ดิฉันอยากจะมาอธิบายให้เข้าใจถึง “สาเหตุของการที่ซิลิโคนเสริมจมูกเห็นเป็นแท่ง” รวมถึง “แนวทางแก้ไข” ที่สามารถทำได้ เพื่อให้ผู้อ่านที่กำลังประสบปัญหานี้ หรือกำลังตัดสินใจทำศัลยกรรมจมูก ได้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงแนวทางทั่วไปเท่านั้น วิธีการแก้ไขหรือผ่าตัดจริงอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะจมูกและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ดังนั้นจึงควรเข้ารับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดค่ะ
Q. เสริมจมูกมานานแล้ว แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าซิลิโคนเริ่มค่อยๆเห็นเป็นแท่งมากขึ้น แก้ให้ไม่เห็นได้ไหมคะ?
วิธีพื้นฐานในการแก้ปัญหาซิลิโคนเสริมจมูกเห็นเป็นแท่ง คือ “การลดความสูงของสันจมูกลง”
โดยทั่วไปแล้ว สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้มักมาจากการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนที่มีขนาดหรือความสูงมากเกินไป หรือมีการใส่ซิลิโคนไว้ในตำแหน่งที่ตื้นเกินไป เมื่อสันจมูกถูกยกสูงเกินขนาด ผิวหนังบริเวณนั้นจะถูกกดและตึงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ผิวบางลงจนเห็นแนวของซิลิโคนชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หากเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย จมูกของเราก็คล้ายกับ ลูกโป่งที่ยังไม่ได้เป่าลม — ผิวของลูกโป่งในตอนนั้นจะหนาและมีสีเข้ม แต่เมื่อเป่าลมเข้าไปมากขึ้น ผิวของลูกโป่งจะยืดออกจนบางและใสขึ้นจนเห็นภายในได้
และหากปล่อยลมออกผิวของลูกโป่งก็จะกลับมามีสีเข้มและหนาขึ้นอีกครั้งจมูกของเราก็เช่นเดียวกัน — เนื้อเยื่อบริเวณสันจมูกมีพื้นที่จำกัดสำหรับใส่ซิลิโคน หากใส่ซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่หรือยกสันสูงเกินไป ผิวจมูกจะถูกยืดจนบางและเห็นเป็นแท่งได้ชัดเจนขึ้น ดังนั้น วิธีแก้ที่ง่ายและได้ผลในกรณีทั่วไป คือการ “ลดความสูงของซิลิโคนลงประมาณ 2–3 มิลลิเมตร” เพื่อให้ผิวจมูกคลายความตึง ลดแรงกด และกลับมาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
อีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้แก้ปัญหาได้ คือ การวางเนื้อเยื่อตัวเองทับบนซิลิโคนที่มีอยู่เดิม
อย่างไรก็ตาม มีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการลดความสูงของสันจมูกเดิม หลังจากเสริมมาแล้ว ซึ่งในกรณีนี้ การใช้เนื้อเยื่อตัวเองมาช่วยเสริมชั้นผิวถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะช่วยเพิ่มความหนาของผิวให้มากขึ้นโดยไม่ต้องปรับลดความสูงของซิลิโคนเพื่อให้เข้าใจง่าย ลองนึกภาพ “ลูกโป่ง” ที่มีลูกโป่งอีกหนึ่งชั้นอยู่ภายใน —
เมื่อต้องเป่าลมเข้าไป สีของลูกโป่งชั้นนอกจะเข้มขึ้น และมองไม่เห็นด้านในได้ชัดเจนเท่ากับตอนที่มีเพียงชั้นเดียว หลักการเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้ในการผ่าตัด โดยแพทย์จะนำเนื้อเยื่อตัวเองมาวางซ้อนบนซิลิโคน เพื่อเพิ่มความหนาให้ผิวหนังบริเวณสันจมูกเมื่อมีชั้นเนื้อเยื่อมาปิดบนซิลิโคนโดยตรง แรงกดที่ผิวจมูกได้รับจะลดลง และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการเห็นแนวซิลิโคนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นการเพิ่มชั้นผิวภายใน จึงอาจทำให้ ผิวบริเวณสันจมูกไม่เรียบเท่าเดิม หรือเมื่อมองจากด้านหน้าอาจรู้สึกว่าจมูกดู กว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
1) ลดความสูงของซิลิโคนลง 2–3 มิลลิเมตร (วิธีพื้นฐานที่สุด) เหมาะสำหรับคนไข้ส่วนใหญ่ เพราะเมื่อความสูงลดลง และ ถ้าผิวบางมาก การลดความสูงเพียงเล็กน้อยก็ช่วยได้มาก
- ผิวจมูกคลายความตึง
- แรงกดลดลง
- เงาและขอบซิลิโคนจางลง
- รูปร่างจมูกกลับมาดูธรรมชาติขึ้นอย่างรวดเร็ว
2) วางเนื้อเยื่อตัวเองทับบนซิลิโคนเดิม (สำหรับผู้ที่ไม่อยากลดความโด่ง) หลายคนชอบความโด่งแบบเดิมและไม่อยากลดลง ในกรณีนี้ เราจะใช้วิธีเพิ่ม “ชั้นกันชน” โดยวางเนื้อเยื่อตัวเอง เช่น
- เนื้อเยื่อหลังหู
- เนื้อเยื่อไขมันบางส่วน
เพื่อเพิ่มความหนาของผิวให้มากขึ้น คล้ายกับการเพิ่ม ลูกโป่งอีกชั้นด้านใน ทำให้สีของชั้นนอกเข้มขึ้น ไม่เห็นภายในชัดเหมือนเดิม
เหมาะสำหรับผู้ที่
- ต้องการคงความสูงของจมูก
- ผิวบาง
- มีความเสี่ยงเห็นซิลิโคนชัดในอนาคต
ข้อควรระวัง:
อาจทำให้สันจมูกดูกว้างขึ้นเล็กน้อย เพราะมีเนื้อเยื่อเพิ่มขึ้น 1 ชั้น
การเลือกวิธีแก้ไขหรือศัลยกรรมจมูกซ้ำให้เหมาะกับตัวเอง คือสิ่งสำคัญที่สุด
เช่นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมทุกประเภท สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “การประเมินสภาพจมูกในปัจจุบันอย่างแม่นยำ” และ “การวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล” เพราะในความเป็นจริงแล้ว ระดับความเห็นชัดของซิลิโคน ความหนาของผิวหนัง และความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้แนวทางการแก้ไขหรือการศัลยกรรมแก้ ไม่สามารถใช้วิธีเดียวกันกับทุกคนได้
บางกรณี หากเนื้อเยื่อหรือผิวหนังบางมากจนไม่สามารถลดแรงกดด้วยการวางเนื้อเยื่อตัวเองได้เพียงพอ แพทย์อาจจำเป็นต้องลดความสูงของซิลิโคนลง ส่วนบางคนอาจสามารถแก้ไขได้โดยเพียงแค่เสริมชั้นเนื้อเยื่อให้หนาขึ้นโดยไม่ต้องลดความสูงเลยก็ได้
ด้วยเหตุนี้เอง การเข้ารับการตรวจและปรึกษาอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพื่อให้สามารถวางแผนการแก้ไขที่ทั้ง ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสภาพจมูกของแต่ละบุคคล ได้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นจะเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่สวยงามและความพึงพอใจในระยะยาว
แต่ละคนต้องแก้ด้วยวิธีไม่เหมือนกัน และต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์สำคัญที่สุด
ผู้ป่วยแต่ละคนมี
- ความหนาผิวไม่เท่ากัน
- เนื้อเยื่อรองรับไม่เท่ากัน
- ตำแหน่งการใส่ซิลิโคนต่างกัน
- ระยะเวลาที่ผิวถูกกดทับไม่เหมือนกัน
ดังนั้น ไม่สามารถใช้วิธีแก้เหมือนกันกับทุกคนได้
บางเคสจำเป็นต้องลดความสูง บางเคสใช้เนื้อเยื่อปิดทับก็เพียงพอ บางเคสต้องทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อความปลอดภัย การตรวจประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการ
- เลือกวิธีแก้ที่เหมาะสมแบบเฉพาะบุคคล
- ลดความเสี่ยงผิวบางมากขึ้นในอนาคต
ทำให้จมูกกลับมาดูธรรมชาติและปลอดภัยในระยะยาว
Q. ควรแก้เมื่อไหร่ถึงจะดีที่สุด?
โดยทั่วไปสามารถประเมินได้ทันทีเมื่อเริ่มเห็นแนวซิลิโคน แต่เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ หลังผ่าตัดครั้งแรก อย่างน้อย 3–6 เดือน (ให้ผิวยุบบวมและเข้าที่) ปลอดภัยที่สุดและเห็นสภาพจริงชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้
อย่าปล่อยให้ซิลิโคนเห็นเป็นแท่งเรื้อรัง เพราะยิ่งปล่อยยิ่งบางและเสี่ยงทะลุ
ถ้าซิลิโคนเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควรปล่อยไว้นานเพราะเสี่ยง
- ผิวบางลงมากขึ้น
- เกิดการอักเสบ
- มีโอกาสทะลุในอนาคต
การแก้ไขตั้งแต่ระยะเริ่มต้นให้ผลลัพธ์ดีที่สุดและทำง่ายที่สุด
สนใจสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขซิลิโคนเสริมจมูกเห็นเป็นแท่ง สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-1288 หรือ LINE ID @ABTHAI เพื่อรับการปรึกษาเบื้องต้นได้เลยค่ะ
Writer.
ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซอแจวอน
#ศัลยกรรมจมูก #เสริมจมูก #แก้จมูก #ซิลิโคนจมูก #ซิลิโคนทะลุจมูก #ซิลิโคนเสริมจมูก #ซิลิโคนศัลยกรรมจมูก



