หัวข้อ
ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าแบบเกาหลี คู่มือฉบับเต็มก่อนตัดสินใจทำจริงวันที่
2025-11-19วิว
49
AB Blog
ร้อยไหมยกกระชับใบหน้าแบบเกาหลี: คู่มือฉบับเต็ม
สารบัญ
1. ทำความรู้จัก “ร้อยไหมสไตล์เกาหลี” คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยมทั่วเอเชีย
2. ไหมชนิดไหนเหมาะกับคุณ? (PDO vs PLLA vs PCL)
3. ขั้นตอนการร้อยไหม + บริเวณยอดนิยมสำหรับยกกระชับ
4. ผลลัพธ์และระยะเวลาที่เห็นได้จริง – ดูแลตัวเองหลังร้อยไหมอย่างไร
5. เปรียบเทียบ ร้อยไหม กับ การยกกระชับแบบอื่น (HIFU/Ulthera/ผ่าตัด)
6. วิธีเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ – อะไรคือสิ่งที่ต้องตรวจสอบ
7. ค่าใช้จ่ายโดยประมาณและคำถามที่พบบ่อย (FAQ)
8. ทำไมต้อง “โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี” ในการร้อยไหมแบบเกาหลี
คุณกำลังมองหาวิธี ยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่เห็นผลชัดและดูเป็นธรรมชาติแบบสาวเกาหลีอยู่หรือไม่?
“ร้อยไหมสไตล์เกาหลี” คือเทคนิคยกกระชับที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลีใต้ และกำลังกลายเป็นเทรนด์ดูแลความงามทั่วเอเชีย ด้วยผลลัพธ์ที่ช่วยยกผิว ลดความหย่อนคล้อย และปรับกรอบหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจทุกสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหม ตั้งแต่หลักการทำงานของเส้นไหม ชนิดของไหมที่ใช้ ไปจนถึงข้อดีของเทคนิคแบบเกาหลี พร้อมเคล็ดลับเลือกคลินิกที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานจากเกาหลี เพื่อให้คุณเตรียมตัวอย่างมั่นใจก่อนเข้ารับการทำจริง
ทำความรู้จัก “ร้อยไหมสไตล์เกาหลี” คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยมทั่วเอเชีย
ร้อยไหมคืออะไร? หลักการยกกระชับผิวด้วยเส้นไหม
“ร้อยไหม” หรือที่เรียกว่า การยกกระชับผิวด้วยเส้นไหม คือเทคนิคยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เส้นไหมทางการแพทย์ขนาดเล็กที่มีความยืดหยุ่นสูง สอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อช่วยยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ตามแนวเส้นไหม
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ใบหน้าดูเรียวขึ้น ริ้วรอยลดลง และผิวดูแน่นกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัยหรือไม่ต้องการพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม
จุดประสงค์หลักของการร้อยไหม
-
ยกกระชับผิวและแก้ไขความหย่อนคล้อย
-
ปรับรูปหน้าให้เรียวและดูอ่อนเยาว์
-
กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวแข็งแรงจากภายใน
-
ลดเลือนริ้วรอยบริเวณแก้ม มุมปาก และแนวกราม
ร้อยไหมสไตล์เกาหลีแตกต่างจากแบบทั่วไปอย่างไร
เทคนิคการร้อยไหมแบบเกาหลีมีจุดเด่นที่ต่างจากแบบทั่วไปทั้งในด้านวัสดุที่ใช้ และวิธีการยกกระชับ โดยเน้น “การออกแบบแนวเส้นไหมให้เข้ากับโครงหน้าแต่ละคน” เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติที่สุด
เส้นไหมคุณภาพสูงและเทคนิคเฉพาะ
-
ใช้ไหมละลายชนิดพิเศษ เช่น พีดีโอ (PDO), พีแอลแอลเอ (PLLA), พีซีแอล (PCL) ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเกาหลี
-
โครงสร้างเส้นไหมมี เงี่ยงเล็ก ๆ หรือ กรวยเล็ก ๆ ที่ช่วยยึดเกาะเนื้อเยื่อได้แน่น
-
เทคนิคการสอดไหมของเกาหลีจะวางในแนวชั้นกล้ามเนื้อส่วนกลางของใบหน้า ซึ่งเป็นชั้นที่ควบคุมการหย่อนคล้อย
-
ให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า และลดโอกาสเกิดรอยย่นหรือรอยไหม
การออกแบบแนวไหมเฉพาะบุคคล
แพทย์เกาหลีจะออกแบบแนวเส้นไหมให้สอดคล้องกับกรอบหน้า โหนกแก้ม และแนวกรามของแต่ละบุคคล ทำให้ผลลัพธ์ดูละมุน ไม่แข็งตึง และให้ความรู้สึก “ยกแต่ไม่ปลอม” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการยกกระชับแบบความงามเกาหลี
ทำไมร้อยไหมแบบเกาหลีถึงได้รับความนิยมทั่วเอเชีย
ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
ร้อยไหมสไตล์เกาหลีได้รับความนิยมในหลายประเทศ เพราะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่ดึงเกินไป อีกทั้งใช้เทคนิคการสอดไหมที่แม่นยำ ช่วยลดรอยช้ำและรอยแผลหลังทำ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ต้องการฟื้นตัวเร็ว
พัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงหน้า
เทคนิคนี้ถูกพัฒนาโดยศัลยแพทย์เกาหลีที่เชี่ยวชาญด้านโครงหน้าและชั้นผิว ทำให้การร้อยไหมแบบเกาหลีสามารถยกผิวได้ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนกลางของใบหน้า คล้ายกับผลลัพธ์ของการผ่าตัดดึงหน้า แต่ไม่ต้องเปิดแผลหรือพักฟื้นนาน
เทรนด์ความงามแบบเกาหลีที่แพร่ทั่วโลก
ด้วยมาตรฐานเทคโนโลยีและความพิถีพิถันของวงการศัลยกรรมเกาหลี “ร้อยไหมสไตล์เกาหลี” จึงกลายเป็นเทรนด์ความงามที่แพร่หลายทั่วเอเชีย ทั้งในไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งมองว่าการยกกระชับแบบเกาหลี เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์สวยงามที่สุดในขณะนี้
ดูเทคนิค “ร้อยไหมแบบเกาหลี” ฉบับเต็มที่นี่
ไหมชนิดไหนเหมาะกับคุณ? (PDO vs PLLA vs PCL)
การเลือกชนิดของเส้นไหมเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเส้นไหมแต่ละประเภทมีคุณสมบัติ อายุการละลาย และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลีมักจะเลือกชนิดไหมให้เหมาะกับโครงหน้าและระดับความหย่อนคล้อยของแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด
ไหมพีดีโอ (PDO – Polydioxanone)
ไหมพีดีโอเป็นไหมละลายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในวงการร้อยไหม เพราะมีคุณสมบัติอ่อนโยน ปลอดภัย และเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อของร่างกาย
จุดเด่นของไหม PDO
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี เห็นผลเร็วหลังทำ
-
อยู่ในร่างกายประมาณ 6–8 เดือน ก่อนละลายไปเอง
-
เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง หรือต้องการยกกระชับระดับเบาถึงปานกลาง
-
นิยมใช้บริเวณแก้ม ใต้ตา และแนวกรอบหน้า
เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำร้อยไหม หรือมีปัญหาผิวหย่อนเล็กน้อย เช่น ริ้วรอยเริ่มต้น หรือผิวขาดความกระชับในช่วงอายุ 25–35 ปี
ไหมพีแอลแอลเอ (PLLA – Poly L-Lactic Acid)
ไหมพีแอลแอลเอเป็นไหมละลายที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า PDO มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน
จุดเด่นของไหม PLLA
-
อยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 12–18 เดือน
-
ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แน่นขึ้นจากภายใน
-
ให้ผลลัพธ์ที่ค่อย ๆ ดีขึ้นตามระยะเวลา (Natural Progressive Effect)
-
ลดความหย่อนคล้อยของแก้มและแนวกรามได้ดี
เหมาะกับใคร
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือเริ่มมีผิวหย่อนคล้อยชัดเจนบริเวณแก้มและคาง และต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานโดยไม่ต้องทำบ่อย
ไหมพีซีแอล (PCL – Polycaprolactone)
ไหมพีซีแอลเป็นไหมรุ่นใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีอายุการละลายนานที่สุดในบรรดาไหมทั้งสามประเภท ให้ผลลัพธ์ที่แน่น กระชับ และดูเป็นธรรมชาติ
จุดเด่นของไหม PCL
-
อยู่ในร่างกายได้ยาวนานถึง 24 เดือนขึ้นไป
-
เนื้อไหมมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับการเคลื่อนไหวของใบหน้า
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ต่อเนื่องยาวนาน
-
ให้ผิวดูอิ่มฟูและยืดหยุ่นแม้หลังจากไหมละลายไปแล้ว
เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนา หรือมีความหย่อนคล้อยมาก เช่น ผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่เคยทำร้อยไหมมาก่อนและต้องการอัปเกรดผลลัพธ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สรุปเปรียบเทียบไหมแต่ละชนิด
|
ประเภทไหม |
ระยะเวลาคงอยู่ |
ระดับการยกกระชับ |
การกระตุ้นคอลลาเจน |
เหมาะกับผิว |
|
PDO |
6–8 เดือน |
ปานกลาง |
ดี |
ผิวบาง–ปกติ |
|
PLLA |
12–18 เดือน |
ดีมาก |
ดีเยี่ยม |
ผิวปกติ–หย่อนคล้อย |
|
PCL |
24 เดือนขึ้นไป |
สูงสุด |
ดีเยี่ยม |
ผิวหนา–หย่อนคล้อยมาก |
การเลือกไหมให้เหมาะกับโครงหน้าและอายุ
การเลือกไหมไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาจากโครงสร้างใบหน้า ความลึกของชั้นไขมัน และตำแหน่งที่ต้องการยกกระชับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงควรเป็นผู้ประเมินอย่างละเอียด เพื่อกำหนดจำนวนเส้นไหม ทิศทาง และชนิดไหมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
ขั้นตอนการร้อยไหม + บริเวณยอดนิยมสำหรับยกกระชับ
ขั้นตอนการร้อยไหมแบบเกาหลี
เทคนิคการร้อยไหมแบบเกาหลีให้ความสำคัญกับ “ความแม่นยำและความปลอดภัย” เป็นอันดับแรก โดยทุกขั้นตอนจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้เส้นไหมที่ผ่านการรับรองจากเกาหลี เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
ขั้นตอนโดยละเอียด
-
ปรึกษาและออกแบบใบหน้า (Consultation & Design) : แพทย์จะประเมินรูปหน้า โครงสร้างผิว และระดับความหย่อนคล้อย เพื่อออกแบบแนวเส้นไหมให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละคน เช่น แนวกรอบหน้า แก้ม หรือแนวกราม
-
ทำความสะอาดและวางยาชาเฉพาะที่ : เพื่อความปลอดภัยและลดความเจ็บปวด แพทย์จะทำความสะอาดผิวอย่างละเอียด จากนั้นใช้ยาชาเฉพาะที่หรือยาชาชนิดครีม ก่อนเริ่มขั้นตอนร้อยไหม
-
สอดเส้นไหมเข้าสู่ชั้นผิวที่เหมาะสม : ใช้เข็มปลายทู่หรือท่อขนาดเล็ก (Cannula) ในการสอดไหมลงไปในชั้นกล้ามเนื้อส่วนกลางของใบหน้า เพื่อให้ไหมยึดกับเนื้อเยื่อได้แน่นและยกผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ปรับความตึงและตรวจเช็กสมดุลของใบหน้า : แพทย์จะค่อย ๆ ดึงเส้นไหมให้ได้ระดับการยกที่พอดี ตรวจเช็กความสมมาตรของใบหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึงเกินไป
-
ตัดปลายไหมและทำความสะอาดผิวอีกครั้ง : หลังจากจัดตำแหน่งไหมเสร็จเรียบร้อย แพทย์จะตัดปลายไหมที่เหลือ ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ร้อยไหม และแนะนำวิธีดูแลหลังทำอย่างละเอียด
ระยะเวลาการทำและการพักฟื้น
-
ระยะเวลาการทำประมาณ 30–60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นไหมและบริเวณที่ทำ
-
สามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังทำ โดยอาจมีอาการบวมเล็กน้อย 1–3 วัน
-
แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าแรง ๆ การนวดหน้า หรือออกกำลังกายหนักในช่วง 1 สัปดาห์แรก
-
ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ภายใน ทันทีหลังทำ และจะชัดเจนที่สุดภายใน 2–4 สัปดาห์
บริเวณยอดนิยมสำหรับการร้อยไหมยกกระชับ
1. แนวกรอบหน้า (Jawline)
ช่วยยกแนวกรามให้ชัดขึ้น ลดความหย่อนคล้อยบริเวณคางและลำคอ เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกว่ากรอบหน้าไม่ชัด หรือมีเหนียงเล็กน้อย
2. แก้มและร่องแก้ม (Cheek & Nasolabial Fold)
ช่วยยกพวงแก้ม ลดร่องลึกบริเวณข้างจมูก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น มักใช้ไหมชนิดมีเงี่ยงเพื่อช่วยพยุงเนื้อแก้มให้ยกขึ้นอย่างมั่นคง
3. หางตาและหางคิ้ว (Eye & Brow Lift)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกหรือหางคิ้วตก เทคนิคการร้อยไหมจะช่วยยกมุมหางตาให้ดูสดใสขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
4. ร่องมุมปากและแนวขากรรไกร (Marionette Line & Lower Face)
ช่วยยกมุมปากที่ตก และกระชับผิวส่วนล่างของใบหน้า ให้ใบหน้าดูยกขึ้นและได้สัดส่วนมากขึ้น
5. ใต้คางและลำคอ (Double Chin & Neck Area)
ลดความหย่อนคล้อยใต้คาง ทำให้คอดูเรียวยาวขึ้น นิยมใช้ไหมชนิดพีซีแอล (PCL) หรือพีแอลแอลเอ (PLLA) ที่ให้แรงยกสูงและผลลัพธ์ยาวนาน
เคล็ดลับดูแลหลังร้อยไหมเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
-
หลีกเลี่ยงการนวดหน้า นอนตะแคง หรือก้มศีรษะในช่วง 1 สัปดาห์แรก
-
ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
-
งดการออกกำลังกายหนัก อบไอน้ำ หรือซาวน่าในช่วง 2 สัปดาห์แรก
-
ใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยเสริมความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง
-
เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจติดตามผลและประเมินความคงตัวของไหม
ผลลัพธ์และระยะเวลาที่เห็นได้จริง – ดูแลตัวเองหลังร้อยไหมอย่างไร
ผลลัพธ์หลังร้อยไหมเห็นได้เมื่อไหร่
หลังร้อยไหมสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีในระดับหนึ่ง ผิวจะรู้สึกตึงกระชับขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแนวกรอบหน้าและแก้ม แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ภายในระยะเวลา 2–4 สัปดาห์ เมื่อร่างกายเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ตามแนวเส้นไหม
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนคือ
-
ผิวหน้าดูยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
-
ริ้วรอยและร่องลึกจางลง
-
กรอบหน้าดูคมชัดและได้รูปมากขึ้น
-
ผิวดูแน่นและเต่งตึงขึ้น
ระยะเวลาที่ผลลัพธ์อยู่ได้
ระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ 6 เดือน – 2 ปี ดังนี้
ระยะเวลาโดยประมาณตามชนิดไหม
-
ไหม PDO: อยู่ได้ประมาณ 6–8 เดือน เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นทำครั้งแรก
-
ไหม PLLA: อยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน ให้ผิวแน่นและดูฟูขึ้น
-
ไหม PCL: อยู่ได้ประมาณ 24 เดือนขึ้นไป ให้แรงยกกระชับสูงสุด
เมื่อไหมเริ่มละลาย ร่างกายยังคงผลิตคอลลาเจนต่อเนื่อง ทำให้ผิวยังดูแน่นและอิ่มฟูต่อเนื่องแม้หลังไหมสลายไปแล้ว
วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหม เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน
1. การดูแลทันทีหลังทำ
-
ประคบเย็นใน 24 ชั่วโมงแรกเพื่อลดบวม
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดใบหน้าแรง ๆ
-
ควรงดแต่งหน้าใน 24 ชั่วโมงแรกหลังร้อยไหม
2. การดูแลในช่วงสัปดาห์แรก
-
หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า
-
งดการนวดหน้า อบไอน้ำ หรือซาวน่า
-
งดออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 5–7 วัน
-
รับประทานอาหารที่อ่อนนุ่ม งดเคี้ยวของแข็งหรือต้องอ้าปากกว้าง
3. การดูแลระยะยาว
-
ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจน
-
ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดการอักเสบ
-
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอ
-
เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจประเมินความคงตัวของเส้นไหม
สัญญาณปกติหลังร้อยไหมที่ไม่ต้องกังวล
หลังร้อยไหมอาจมีอาการเล็กน้อย เช่น
-
รู้สึกตึงหรือเจ็บบริเวณที่สอดไหม
-
มีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยประมาณ 1–3 วัน
-
อาจรู้สึกคล้ายมีเส้นแข็งใต้ผิวในช่วงแรก ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเมื่อไหมเริ่มเข้าที่
หากอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและค่อย ๆ ดีขึ้น ถือเป็นภาวะปกติของกระบวนการฟื้นตัว แต่หากมีอาการบวมมาก แดงร้อน หรือปวดมาก ควรกลับมาพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินอาการ
เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อยืดอายุผลลัพธ์
-
ทำทรีตเมนต์บำรุงผิวหรือเลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจนหลังจากร้อยไหม 1 เดือน
-
นอนหลับให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงความเครียด เพราะฮอร์โมนเครียดทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
-
รักษาน้ำหนักให้คงที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหย่อนคล้อยซ้ำ
-
ทาครีมกันแดดเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
เปรียบเทียบ ร้อยไหม กับ การยกกระชับแบบอื่น (HIFU / Ulthera / ผ่าตัด)
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยยกกระชับผิว ไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม การทำ HIFU หรือ Ulthera รวมถึงการผ่าตัดดึงหน้าแบบดั้งเดิม แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเข้าใจความแตกต่างของแต่ละเทคนิคจึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจเลือกทำ
เจาะลึกเทคนิคดึงหน้าเกาหลีแบบครบทุกวิธี
ร้อยไหม (Thread Lift)
ข้อดี
-
เห็นผลได้ทันทีหลังทำ
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นขึ้นในระยะยาว
-
ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย
-
ปรับรูปหน้าและกรอบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
-
อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดไหม
ข้อจำกัด
-
อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหลังทำ
-
ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหลีกเลี่ยงการร้อยไหมผิดชั้น
-
ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรงมาก
HIFU (ไฮฟู)
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) คือเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูงยิงเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวลึก
ข้อดี
-
ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
-
เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับเบา ๆ หรือเริ่มมีผิวหย่อนคล้อย
-
ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 30–45 นาที
ข้อจำกัด
-
ผลลัพธ์ค่อย ๆ เห็นภายใน 1–2 เดือน
-
ต้องทำซ้ำทุก 6 เดือน – 1 ปี เพื่อคงผลลัพธ์
-
ไม่สามารถยกผิวในชั้นลึกได้เท่าการร้อยไหมหรือผ่าตัด
Ulthera (อัลเทอร่า)
Ulthera เป็นเทคโนโลยีคลื่นเสียงที่คล้ายกับ HIFU แต่มีความแม่นยำสูงกว่า สามารถปล่อยพลังงานลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนกลางของใบหน้า (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
ข้อดี
-
ให้ผลลัพธ์แน่นกระชับมากกว่า HIFU
-
ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย
-
ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน
-
ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา
ข้อจำกัด
-
มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการร้อยไหมหรือ HIFU
-
เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง
-
ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดขึ้นภายใน 1–3 เดือน
การผ่าตัดดึงหน้า (Surgical Facelift)
เป็นการผ่าตัดที่ช่วยยกผิวและกล้ามเนื้อส่วนลึก (SMAS) โดยตรง ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานที่สุด
ข้อดี
-
ยกกระชับได้ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ
-
เห็นผลชัดเจนในครั้งเดียว
-
ผลลัพธ์อยู่ได้ 5–10 ปี
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรง หรืออายุ 45 ปีขึ้นไป
ข้อจำกัด
-
ต้องดมยาสลบและใช้เวลาพักฟื้น
-
อาจมีรอยแผลบริเวณหลังใบหูหรือไรผม
-
ค่าใช้จ่ายสูง และต้องอาศัยประสบการณ์ของศัลยแพทย์เฉพาะทาง
ตารางเปรียบเทียบภาพรวม
|
วิธี |
เหมาะกับใคร |
ระยะเวลาพักฟื้น |
ระยะเวลาผลลัพธ์ |
ระดับการยกกระชับ |
|
ร้อยไหม |
ผิวเริ่มหย่อน 30–40 ปี |
1–3 วัน |
6 เดือน–2 ปี |
ปานกลาง–มาก |
|
HIFU |
ผิวเริ่มหย่อนเล็กน้อย |
ไม่ต้องพักฟื้น |
6 เดือน |
เบา–ปานกลาง |
|
Ulthera |
ผิวหย่อนระดับปานกลาง |
1 วัน |
12–18 เดือน |
มาก |
|
ผ่าตัดดึงหน้า |
ผิวหย่อนรุนแรง 45 ปีขึ้นไป |
1–2 สัปดาห์ |
5–10 ปี |
สูงสุด |
ดูภาพก่อน–หลังจริงจากเคสผู้ทำที่เกาหลี
เลือกวิธีไหนดี?
หากคุณต้องการยกกระชับอย่างเห็นผลชัดเจนแต่ไม่อยากผ่าตัด “ร้อยไหมแบบเกาหลี” ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็ว มีความเป็นธรรมชาติ และพักฟื้นน้อย ในขณะที่ HIFU และ Ulthera เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับเบา ๆ หรือเริ่มต้นดูแลผิว ส่วนการผ่าตัดดึงหน้าจะเหมาะกับผู้ที่มีอายุมากหรือผิวหย่อนคล้อยมาก
วิธีเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ – อะไรคือสิ่งที่ต้องตรวจสอบ
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง เพราะหากร้อยไหมผิดชั้น หรือใช้ไหมไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวเป็นคลื่น หรือไหมหลุดออกมา ดังนั้น ก่อนตัดสินใจร้อยไหม ควรตรวจสอบข้อมูลของคลินิกและแพทย์อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ตรวจสอบมาตรฐานของคลินิก
1. คลินิกต้องได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
คลินิกที่ได้มาตรฐานต้องมีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการชัดเจน และมีรายชื่อแพทย์ผู้ให้บริการระบุไว้อย่างเป็นทางการ
2. ห้องหัตถการต้องสะอาด ปลอดเชื้อ และมีอุปกรณ์ครบถ้วน
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ต้องทำในพื้นที่ปลอดเชื้อ คลินิกที่ดีจะมีระบบฆ่าเชื้ออุปกรณ์ก่อนใช้งานทุกครั้ง และมีมาตรฐานความสะอาดระดับโรงพยาบาล
3. ใช้ไหมแท้จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรอง
ไหมที่ใช้ต้องมีใบรับรองมาตรฐาน เช่น PDO / PLLA / PCL ที่ผ่านการรับรองจากเกาหลีหรือยุโรป เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการอักเสบ
ตรวจสอบความเชี่ยวชาญของแพทย์
1. ประสบการณ์และเคสจริง
ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการร้อยไหมโดยเฉพาะ สามารถแสดงภาพก่อน–หลังเคสจริง และอธิบายเทคนิคที่ใช้ได้อย่างชัดเจน
2. ความรู้ด้านโครงสร้างใบหน้า (Anatomy)
แพทย์ที่เชี่ยวชาญต้องเข้าใจโครงสร้างชั้นผิว กล้ามเนื้อ และเส้นเลือดบนใบหน้า เพื่อให้สามารถร้อยไหมในชั้นที่ถูกต้องและให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย
3. การออกแบบแนวไหมเฉพาะบุคคล
แพทย์มืออาชีพจะออกแบบแนวเส้นไหมให้เข้ากับโครงหน้าและปัญหาของแต่ละบุคคล เช่น แก้มตก แนวกรามไม่ชัด หรือคางสั้น เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมดุลและดูเป็นธรรมชาติ
อ่านรีวิวจริงจากผู้เข้ารับบริการที่ AB
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณและคำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1) ค่าใช้จ่ายในการร้อยไหมขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
A. ราคาการร้อยไหมในแต่ละคลินิกอาจแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นชนิดของไหมที่ใช้ เช่น PDO, PLLA หรือ PCL จำนวนเส้นไหมที่แพทย์เลือกใช้ตามระดับความหย่อนคล้อยของผิว รวมถึงบริเวณที่ต้องการยกกระชับอย่างแก้ม กรอบหน้า หรือใต้คาง อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์และมาตรฐานของคลินิกที่ให้บริการ โดยทั่วไป ราคาจะเริ่มตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงเคสที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ดังนั้นควรเข้ารับการประเมินกับแพทย์ก่อน เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวและงบประมาณของแต่ละคนอย่างแม่นยำ
Q2) ร้อยไหมเจ็บไหม?
A. การร้อยไหมไม่เจ็บมาก เพราะแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนเริ่มทำ อาจรู้สึกตึงหรือระบมเล็กน้อยในช่วง 1–3 วันแรก ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามธรรมชาติ
Q3) หลังร้อยไหมสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติไหม?
A. สามารถกลับไปทำกิจวัตรได้ทันทีหลังทำ แต่ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า นอนตะแคง หรืออ้าปากกว้างในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อป้องกันไม่ให้ไหมเคลื่อนหรือเกิดรอยย่น
Q4) ต้องพักฟื้นนานไหม?
A. ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน ส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำงานหรือเดินทางได้ในวันเดียวกัน บางรายอาจมีอาการบวมเล็กน้อยประมาณ 1–3 วัน และจะค่อย ๆ หายเป็นปกติ
Q5) ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
A. ระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับชนิดไหมที่ใช้และสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 2 ปี และเมื่อไหมละลายไปแล้ว คอลลาเจนที่เกิดขึ้นใหม่ยังช่วยให้ผิวดูเต่งตึงต่อเนื่อง
Q6) หลังร้อยไหมสามารถแต่งหน้าได้เมื่อไหร่?
A. สามารถแต่งหน้าได้หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง โดยควรใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยนและหลีกเลี่ยงการถูผิวแรง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
Q7) การร้อยไหมปลอดภัยไหม?
A. การร้อยไหมถือว่าปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากประเทศเกาหลีหรือยุโรป แต่หากทำโดยผู้ไม่มีใบอนุญาตหรือใช้ไหมราคาถูก อาจเสี่ยงต่อการอักเสบหรือไหมทะลุผิวได้
Q8) สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม เช่น HIFU, Ulthera หรือ Botox?
A. สามารถทำร่วมกันได้ โดยเฉพาะการทำ HIFU หรือ Ulthera ก่อนร้อยไหมจะช่วยให้ชั้นผิวพร้อมต่อการยกกระชับและเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น ส่วน Botox หรือ Filler ควรทำหลังร้อยไหมประมาณ 2–3 สัปดาห์ เพื่อให้ไหมเข้าที่เรียบร้อยก่อน
Q9) ต้องร้อยไหมกี่เส้นถึงจะเห็นผล?
A. จำนวนไหมที่ใช้จะแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัญหาและโครงหน้า โดยทั่วไปจะใช้ประมาณ 4–20 เส้นสำหรับการยกกระชับทั่วใบหน้า แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและออกแบบจำนวนไหมที่เหมาะสมที่สุดให้
ปรึกษาแพทย์และเช็กราคาฟรี คลิกเลย
ทำไมต้อง “โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี” ในการร้อยไหมแบบเกาหลี
ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงหน้าและการยกกระชับโดยเฉพาะ
โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน “โครงหน้าและการยกกระชับ” โดยตรง ซึ่งมีประสบการณ์สูงในการออกแบบแนวไหมให้เหมาะกับโครงสร้างผิวของคนเอเชีย ทุกขั้นตอนดำเนินการโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง ไม่ใช่ผู้ช่วยหรือแพทย์ทั่วไป
จึงมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยและความแม่นยำของผลลัพธ์
ใช้เส้นไหมแท้ผ่านการรับรองจากประเทศเกาหลี
โรงพยาบาลใช้เส้นไหมแท้ชนิด PDO, PLLA และ PCL ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงอาหารและยาของประเทศเกาหลี (KFDA) ทุกเส้นไหมเป็นวัสดุที่ปลอดภัย สามารถละลายในร่างกายได้ตามธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าการใช้ไหมทั่วไป
ห้องผ่าตัดและระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโรงพยาบาล
ภายในโรงพยาบาลศัลยกรรม AB มีระบบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลใหญ่ในเกาหลี พร้อมอุปกรณ์ตรวจวัดชีพจรและระบบดมยาสลบที่ควบคุมโดยวิสัญญีแพทย์ รวมถึงระบบกล้อง CCTV ภายในห้องผ่าตัดที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมั่นใจในความปลอดภัยตลอดขั้นตอนการทำ
ทีมเจ้าหน้าที่คนไทยประจำโรงพยาบาล
โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี มีเจ้าหน้าที่ชาวไทยประจำอยู่ภายในโรงพยาบาล คอยดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการจองคิว ปรึกษา–แปลภาษา ไปจนถึงการติดตามผลหลังทำ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการจากประเทศไทยได้รับความสะดวกและความอุ่นใจตลอดการรักษา
โรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลเกาหลี
โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขเกาหลี (KIMA Certified Hospital) ในฐานะโรงพยาบาลที่มีระบบการรักษาและดูแลผู้ป่วยต่างชาติได้มาตรฐานระดับสากล ทั้งในด้านความปลอดภัย การบริการ และจรรยาบรรณทางการแพทย์
ศูนย์วิจัยเซลล์ต้นกำเนิดด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Stem Cell Research Center)
นอกจากการทำศัลยกรรมทั่วไปแล้ว โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ศูนย์วิจัยเซลล์ต้นกำเนิดด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู” ซึ่งเป็นการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐของเกาหลี โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวและการยกกระชับในระดับเซลล์ ทำให้ผลลัพธ์ของการร้อยไหมมีความปลอดภัยและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ความเชื่อมั่นจากมาตรฐานระดับสากล
การร้อยไหมแบบเกาหลีไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิคหรือไหมที่ใช้ แต่คือ “ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์” โรงพยาบาลศัลยกรรม AB ประเทศเกาหลี ได้รวมทั้งสองสิ่งไว้ในที่เดียว ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มาตรฐานระดับสากล และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย จึงมั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนของการร้อยไหมจะปลอดภัย ได้ผลจริง และให้ความงามอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด



