หัวข้อ
คุณสมบัติของการดึงหน้าแบบ SMAS แต่ละประเภท พร้อมภาพก่อนและหลัง เห็นผลลัพธ์จริงวันที่
2025-09-17วิว
38
AB Blog
การดึงหน้าแบบ SMAS: เปรียบเทียบ High SMAS, ดึงหน้าลึก และรีวิวผลลัพธ์จริง
สารบัญ
1. การดึงหน้าแบบ SMAS คืออะไร และแตกต่างจากการยกกระชับทั่วไปอย่างไร
2. เทคนิค SMAS แต่ละประเภท: High SMAS, ดึงหน้าลึก, ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง
3. ใครคือผู้เหมาะสมกับการดึงหน้าแบบ SMAS (เช็คลิสต์อาการและปัญหา)
4. ขั้นตอนการผ่าตัดและตำแหน่งแผล
5. เปรียบเทียบข้อดี–ข้อควรระวังของ High SMAS, ดึงหน้าลึก และ ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง
6. รีวิวผลลัพธ์และภาพ ก่อน–หลัง จากอินฟลูเอนเซอร์ที่เลือกศัลยกรรมกับ เกาหลีโรงพยาบาลศัลยกรรมAB
7. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดึงหน้า SMAS
8. ทำไมควรเลือกการดึงหน้าแบบ SMAS ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมAB ประเทศเกาหลี

การดึงหน้าแบบ SMAS เป็นการผ่าตัดที่ยกกระชับทั้งชั้นผิวและชั้นกล้ามเนื้อพังผืด (SMAS) จึงช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ลึกกว่า ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่าวิธียกกระชับทั่วไป
เทคนิคที่ใช้บ่อย ได้แก่ High SMAS, ดึงหน้าลึก (Deep Plane) และ ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง (Modified Deep Plane) โดยเลือกให้เหมาะสมตามสภาพผิวและระดับความหย่อนคล้อยของแต่ละคน
บทความนี้จะอธิบายความแตกต่าง จุดเด่น การพักฟื้น รวมถึงภาพรีวิว ก่อน–หลัง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและเลือกเทคนิคที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

การดึงหน้าแบบ SMAS คืออะไร และแตกต่างจากการยกกระชับทั่วไปอย่างไร
ความหมายของการดึงหน้าแบบ SMAS
การดึงหน้าแบบ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) เป็นการผ่าตัดที่ไม่เพียงแค่ดึงชั้นผิวด้านบน แต่ยังปรับโครงสร้างของชั้นกล้ามเนื้อและพังผืดใต้ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความหย่อนคล้อย เมื่อยกกระชับที่ชั้นนี้ ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่าวิธียกผิวทั่วไป
การยกกระชับทั่วไปทำงานอย่างไร
โดยทั่วไป การยกกระชับใบหน้าที่ไม่ใช่ SMAS จะเน้นดึงเฉพาะชั้นผิวหรือชั้นไขมันตื้น ๆ เช่น การดึงผิวบางส่วน การใช้ไหม หรือการทำหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด วิธีเหล่านี้อาจให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็ว แต่ผลมักจะอยู่ไม่นาน และไม่สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยลึก ๆ ได้อย่างชัดเจน

ความแตกต่างที่สำคัญ
-
ชั้นที่รักษา: SMAS เน้นการยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อพังผืด ในขณะที่วิธีทั่วไปเน้นแค่ผิวหนัง
-
ความเป็นธรรมชาติ: SMAS ทำให้รูปหน้าดูสมดุล ไม่ตึงจนเกินไป ต่างจากการดึงผิวเพียงอย่างเดียว
-
ระยะเวลาผลลัพธ์: SMAS อยู่ได้หลายปี ส่วนวิธีทั่วไปมักอยู่เพียงไม่กี่เดือนถึง 1–2 ปี
-
การพักฟื้น: SMAS ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ยาวนานและคุ้มค่ากว่า
เหตุผลที่คนไข้เลือก SMAS
-
เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก
-
ต้องการผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนาน ไม่ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ
-
มองหาการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่เพียงผิวภายนอก

เทคนิค SMAS แต่ละประเภท: High SMAS, ดึงหน้าลึก, ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง
High SMAS Facelift
High SMAS เป็นเทคนิคที่เลาะและยกชั้น SMAS ในระดับสูงกว่าการผ่าตัดทั่วไป โดยมักเริ่มเลาะจากบริเวณโหนกแก้ม ทำให้สามารถยกกระชับช่วงกลางหน้าและแก้มที่หย่อนคล้อยได้อย่างชัดเจน
-
ข้อดี: เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและร่องแก้ม ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
-
ข้อควรระวัง: ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนานกว่าวิธีพื้นฐาน
ดึงหน้าลึก (Deep Plane Facelift)
ดึงหน้าลึกเป็นเทคนิคที่เลาะลึกลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อและพังผืดใต้ SMAS ทำให้โครงสร้างใบหน้าถูกยกใหม่ทั้งชั้นผิวและกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยมากและต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
-
ข้อดี: ยกกระชับได้ลึก ผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นานหลายปี
-
ข้อควรระวัง: ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และมีระยะพักฟื้นมากกว่าวิธีอื่น

ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง (Modified Deep Plane Facelift)
เป็นเทคนิคที่พัฒนามาจากการดึงหน้าลึก โดยปรับวิธีเลาะและดึงให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและทำให้พักฟื้นได้เร็วขึ้น
-
ข้อดี: ลดบวมช้ำ ฟื้นตัวไวกว่า Deep Plane แต่ยังคงผลลัพธ์ที่ชัดเจน
-
ข้อควรระวัง: ต้องออกแบบการผ่าตัดเฉพาะราย จึงต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด
สรุปเปรียบเทียบ
-
High SMAS: เน้นยกช่วงแก้มและร่องแก้ม ผลลัพธ์ธรรมชาติ
-
Deep Plane: ยกกระชับลึก แก้ปัญหาหย่อนคล้อยรุนแรง อยู่ได้นาน
-
Modified Deep Plane: ฟื้นตัวไว ลดบวม แต่ยังให้ผลลัพธ์ยาวนาน
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การดึงหน้าแบบ SMAS สามารถดูได้ที่ [หน้ารวมการผ่าตัดดึงหน้า ของ เกาหลีโรงพยาบาลศัลยกรรมAB]

ใครคือผู้เหมาะสมกับการดึงหน้าแบบ SMAS (เช็คลิสต์อาการและปัญหา)
กลุ่มคนที่ควรพิจารณาการดึงหน้าแบบ SMAS
การผ่าตัดดึงหน้าแบบ SMAS เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก ซึ่งการยกกระชับทั่วไปหรือการทำหัตถการที่ไม่ผ่าตัดอาจไม่เพียงพอ
เช็คลิสต์อาการที่บ่งบอกว่าควรทำ SMAS Facelift
-
แก้มและร่องแก้มลึก จนทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า
-
ผิวช่วงกรอบหน้าไม่ชัด เห็นคางหรือแนวกรามหย่อน
-
มีเหนียงหรือคอหย่อนคล้อย แม้ควบคุมน้ำหนักแล้วก็ยังเห็นชัด
-
ผิวหนังบริเวณขมับและหางตาตก ส่งผลให้ตาดูอ่อนล้า
-
เคยทำหัตถการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานหรือไม่ตอบโจทย์
เหตุผลที่ควรเลือก SMAS เมื่อเทียบกับวิธีอื่น
-
ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานหลายปี
-
แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่เพียงดึงผิวชั้นบน
-
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงชัดเจนและถาวรกว่า

ขั้นตอนการผ่าตัดและตำแหน่งแผล
ขั้นตอนการผ่าตัดโดยทั่วไป
การดึงหน้าแบบ SMAS มักใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 3–5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเทคนิคและระดับความซับซ้อน โดยก่อนเริ่มผ่าตัด แพทย์จะทำการวางแผนตำแหน่งแผล เลาะชั้นผิวและ SMAS แล้วจึงทำการยกและจัดเรียงเนื้อเยื่อใหม่ให้กระชับ พร้อมเย็บตรึงอย่างประณีตเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ
วิธีการดมยา
โดยส่วนใหญ่จะใช้การดมยาสลบ เพื่อความปลอดภัยและลดความเจ็บปวด แต่บางกรณีที่ผ่าตัดขนาดเล็กหรือมินิรีฟต์ อาจใช้เพียงการฉีดยาชาเฉพาะที่ร่วมกับการให้ยาระงับความรู้สึก

ตำแหน่งแผล
-
ตำแหน่งแผลถูกออกแบบให้ซ่อนอยู่ตามแนวเส้นผมและใบหู เพื่อลดการมองเห็นหลังผ่าตัด
-
บริเวณไรผมขมับ: ซ่อนแผลในแนวไรผมด้านหน้า
-
ด้านหน้าใบหู: เลาะลงมาตามรอยพับธรรมชาติ
-
ด้านหลังใบหู: ซ่อนแผลในแนวหลังหูเพื่อลดการสังเกตเห็น
H4: สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับแผลผ่าตัด
-
แผลถูกเย็บอย่างละเอียดเพื่อลดรอยแผลเป็น
-
หลังตัดไหม รอยแผลจะค่อย ๆ จางลงภายในไม่กี่เดือน
-
การดูแลแผลอย่างถูกต้อง เช่น หลีกเลี่ยงการโดนแดดแรง จะช่วยให้รอยแผลหายเร็วขึ้น

เปรียบเทียบข้อดี–ข้อควรระวังของ High SMAS, ดึงหน้าลึก และ ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง
ข้อดีของแต่ละเทคนิค
-
High SMAS: เน้นแก้ปัญหาร่องแก้มและแก้มคล้อย ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยระดับปานกลาง
-
ดึงหน้าลึก (Deep Plane): ยกกระชับได้ลึกที่สุด แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยรุนแรง อยู่ได้นานหลายปี
-
ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง (Modified Deep Plane): ฟื้นตัวเร็วกว่า ลดบวมช้ำ แต่ยังได้ผลใกล้เคียง Deep Plane

ข้อควรระวัง
-
High SMAS: อาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมาก ๆ
-
ดึงหน้าลึก (Deep Plane): ใช้เวลาพักฟื้นนาน ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง
-
ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง (Modified Deep Plane): ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการออกแบบเฉพาะราย จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด
ตารางเปรียบเทียบสรุป
เทคนิค | จุดเด่น | ระยะเวลาผลลัพธ์ | การพักฟื้น | ความเหมาะสม |
High SMAS | แก้แก้มและร่องแก้ม ดูเป็นธรรมชาติ | 5–7 ปี | ปานกลาง | เหมาะกับอายุ 40–50 ปี |
Deep Plane | ยกกระชับลึก ผลชัดเจน | 8–10 ปี | นานกว่า | เหมาะกับอายุ 50 ปีขึ้นไป/หย่อนคล้อยมาก |
Modified Deep Plane | ฟื้นตัวไว ลดบวมช้ำ | 7–9 ปี | เร็วกว่า Deep Plane | เหมาะกับผู้ที่ต้องการพักฟื้นสั้นแต่ผลลัพธ์ยาวนาน |
รีวิวผลลัพธ์และภาพ ก่อน–หลัง จากอินฟลูเอนเซอร์ที่เลือกศัลยกรรมกับ เกาหลีโรงพยาบาลศัลยกรรมAB
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ [รีวิวจากอินฟลูเอนเซอร์และคนดังที่เลือก เกาหลีโรงพยาบาลศัลยกรรมAB]

เคสที่ 1 – คุณ Faii Am Fine
ก่อนการผ่าตัด
ผิวใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด ทำให้ภาพรวมดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส
หลังการผ่าตัด
หลังทำการดึงหน้าแบบ SMAS ที่ เกาหลีโรงพยาบาลศัลยกรรมAB ใบหน้าดูยกกระชับ ร่องแก้มลดลง กรอบหน้ากลับมาคมชัด ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงหลายปี
ความเห็นจากผู้เข้ารับบริการ
“หลังทำรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เวลาออกงานหรือถ่ายรูปก็ไม่กังวล เพื่อน ๆ ยังชมว่าดูเด็กลงจริง ๆ”

เคสที่ 2 – คุณ lllittlebeam (Beam Chichaya Asarawirakul)
ก่อนการผ่าตัด
มีปัญหาหนังตาตก ร่องใต้ตาชัด และสันจมูกไม่โด่ง ใบหน้าดูเหนื่อยและไม่สดชื่น
หลังการผ่าตัด
ได้รับการผ่าตัดแก้หนังตา เสริมจมูก และยกกระชับบางส่วนร่วมกัน ทำให้ดวงตาดูกลมโตสดใส จมูกสวยรับกับใบหน้า และผิวโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ความเห็นจากผู้เข้ารับบริการ
“รู้สึกดีใจที่เลือกทำกับ AB เพราะผลลัพธ์ออกมาตรงใจมาก ใบหน้าดูสดใสขึ้น ถ่ายรูปออกมาก็ดูมั่นใจขึ้นเยอะ”

เคสที่ 3 – คุณ Binko
ก่อนการผ่าตัด
ผิวแก้มและแนวกรามหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูกลม กรอบหน้าไม่ชัด
หลังการผ่าตัด
หลังทำการดึงหน้าแบบ SMAS กรอบหน้าดูชัดขึ้น แก้มยกกระชับ ใบหน้าดูเล็กลงและสมส่วนมากขึ้น
ความเห็นจากผู้เข้ารับบริการ
“ผลลัพธ์ออกมาตามที่คาดหวังค่ะ รู้สึกว่าหน้าเล็กลงจริง แต่งหน้าง่ายขึ้นและมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม”
สามารถดู ภาพก่อน–หลังเพิ่มเติม ของเคสจริงได้ที่ [แกลเลอรีภาพ ก่อน–หลัง ของ เกาหลีโรงพยาบาลศัลยกรรมAB]
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดึงหน้า SMAS (FAQ)
Q1: การดึงหน้าแบบ SMAS เหมาะกับใครบ้าง?
A: เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ก็สามารถทำได้กับคนอายุน้อยกว่านี้หากเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนชัดเจน
Q2: การดึงหน้าแบบ SMAS แตกต่างจากการยกกระชับทั่วไปอย่างไร?
A: การดึงหน้าแบบ SMAS จะไม่ใช่เพียงการดึงผิวหนังด้านนอก แต่เป็นการยกชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ที่อยู่ลึกลงไป ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
Q3: หลังทำการดึงหน้าแบบ SMAS ต้องพักฟื้นกี่วัน?
A: โดยทั่วไปใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1–2 สัปดาห์ อาจมีอาการบวมและช้ำบ้าง แต่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังจากนั้น
Q4: แผลผ่าตัดของการดึงหน้า SMAS อยู่ตรงไหน?
A: ส่วนใหญ่แผลจะซ่อนอยู่บริเวณไรผม ข้างหู และหลังใบหู ทำให้มองเห็นได้ยากเมื่อแผลหายดี
Q5: ผลลัพธ์ของการดึงหน้า SMAS อยู่ได้นานแค่ไหน?
A: ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้หลายปี ขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิว พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลรักษาหลังทำ
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถ [สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่]

ทำไมควรเลือกการดึงหน้าแบบ SMAS ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมAB ประเทศเกาหลี
มาตรฐานศัลยกรรมที่เชื่อถือได้
โรงพยาบาลศัลยกรรมAB ประเทศเกาหลี มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานในการทำ High SMAS, ดึงหน้าลึก และ ดึงหน้าลึกแบบปรับแต่ง โดยออกแบบการผ่าตัดให้เหมาะกับโครงหน้าและปัญหาเฉพาะบุคคล พร้อมใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและปลอดภัย
รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
มีการเผยแพร่ภาพ ก่อน–หลัง และรีวิวจากผู้เข้ารับบริการ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยที่เดินทางมารับบริการจริง ซึ่งช่วยยืนยันถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ
การดูแลพิเศษสำหรับคนไข้ชาวไทย
โรงพยาบาลศัลยกรรมAB มีบริการครบวงจรสำหรับคนไข้จากประเทศไทย
-
ล่ามภาษาไทยมืออาชีพ ช่วยให้การสื่อสารและการปรึกษาเป็นไปอย่างราบรื่น
-
บริการที่พักและการเดินทาง เพื่อความสะดวกสบาย
-
ระบบติดตามหลังผ่าตัด ทั้งแบบตรวจเช็กที่โรงพยาบาลและการดูแลออนไลน์
โปรแกรมการดูแลหลังผ่าตัดที่เป็นระบบ
หลังผ่าตัดมีการดูแลอย่างครบถ้วน เช่น โปรแกรมลดบวม การฟื้นฟูผิว และการตรวจติดตาม เพื่อให้ผลลัพธ์คงทนและยาวนาน
ทำไมคนไข้ชาวไทยเลือก AB
สิ่งที่คนไข้ชาวไทยเน้นย้ำตรงกัน คือ ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และทีมแพทย์ที่เข้าใจความต้องการของคนไข้ชาวไทยเป็นอย่างดี ทำให้โรงพยาบาลศัลยกรรมAB กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของคนไทยที่ต้องการทำการดึงหน้าในประเทศเกาหลี
นอกจากภาพก่อน–หลังแล้ว ยังมี [ประสบการณ์ตรงจากผู้เข้ารับบริการจริง] ที่เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงหลังการผ่าตัดที่ เกาหลีโรงพยาบาลศัลยกรรมAB
